วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เครื่องสำอางบนความเจ็บปวดของกระต่าย

เครื่องสำอางบนความเจ็บปวดของกระต่าย


เครื่องสำอาง,มหาวิทยาลัยรังสิต ,กระต่าย,In Vitro Topical and Cosmetic Testing,แจคเกอลีน เทรด,วารสารรังสิต
 ‘เครื่องสำอาง’ ผลิตภัณฑ์ที่เติมแต่งความสวยงามให้กับร่างกายมนุษย์ เบื้องหน้าของผลิตภัณฑ์ เครื่องสาอางอาจดูสวยหรูน่าใช้ แต่น้อยคนนักที่จะทราบถึงเบื้องหลังหรือด้านมืดของความสวยงามใน กระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์ ที่มักนิยมใช้สัตว์เป็นผู้พลีชีพเพื่อแลกกับความสวยงามทั้งที่สัตว์เหล่านั้นไม่ได้ ประโยชน์ด้วยเลย ผู้ที่ได้ประโยชน์กลับเป็นมนุษย์ที่ทำหน้าที่ส่งเหล่าสัตว์เหล่านั้นไปสู่เส้นทางแห่งความ เจ็บปวดและความตาย
กว่าจะได้มาสคาร่าหนึ่งแท่งหรืออายแชโดว์สีสันสดใสหนึ่งตลับให้เราได้ใช้กันอย่างเพลิดเพลินใจ นั้นมีสัตว์กี่ชีวิตที่ต้องสละชีวิตเพื่อแลกกับความสวยงามของมนุษย์ ในการทดสอบว่าเครื่องสำอางที่จะนำไป วางขายนั้นจะมีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตหรือไม่ สัตว์ที่นามาใช้ทดลองจำนวนมหาศาลต้องถูกบังคับให้กินหรือ สูดดมส่วนประกอบต่างๆของเครื่องสำอางเข้าไป หรือไม่ก็ถูกโกนขนจนเกลี้ยงโกร๋นแล้วถูกโปะซ้ำด้วยสาร ต่างๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 28-90 วัน ก่อนจะถูกส่งไปที่ชอบที่ซึ่งชอบที่สัตว์ผู้น่าสงสารเหล่านั้นก็คงไม่ได้ ชอบอย่างที่เรากล่าวอ้าง
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของวิธีการทดสอบเครื่องสำอางกับสัตว์ทดลอง หลาย ท่านอาจสงสัยว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่ต้องใช้สัตว์ในการทดลอง ไม่มีวิธีทดสอบด้วยวิธีอื่นหรือ?
รศ.ภญ.ดร.สุพัตรา ศรีไชยรัตน์ อาจารย์คณะการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เล่าว่า ผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาใช้กับมนุษย์ได้นั้นจะต้องมีความปลอดภัยสูง การที่จะทดสอบว่าสารนั้นมีความปลอดภัยหรือไม่ ก็ต้องมีการทดสอบกับสัตว์มาก่อน แล้วถึงค่อยนามาทดลองกับมนุษย์ สัตว์ที่ใช้ทดลองจะเป็นกลุ่มสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนูขาว หนูไมค์ กระต่าย แมว สุนัข เป็นต้น ในเครื่องสำอางจะนิยมใช้กระต่าย เพราะมีผิวที่ค่อนข้างตอบสนองไวกว่าสัตว์ชนิดอื่น อีกทั้งกระต่ายยังมีผิวหนังที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด ในการทดลองก็จะมีการโกนขนกระต่ายออกด้านหนึ่งแต่อีกด้านจะไม่โกน หลังจากนี้จะเป็นการป้ายยาในบริเวณที่โกนขนออก และคอยสังเกตผิวหนังบริเวณนั้น 
ภาพ : การทดลองความปลอดภัยของเครื่องสำอางด้วยการโกนขนกระต่ายและฉีดสารเข้าดวงตา
photo credit  : www.emmafarrellmakeup.com
รศ.ภญ.ดร.สุพัตรา เล่าต่อว่า การทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจะมีการทดสอบอยู่ 4 อย่าง คือ การทดสอบการระคายเคืองต่อผิว (Skin Irritation Test) การทดสอบความเป็นพิษเมื่อเจอแสง (Photo Toxiccity Test) การทดสอบการระคายเคืองต่อดวงตา (Ocular Irritation Test) และการทดสอบความสามารถในการซึมซาบสู่ผิวหนัง (Transdermal Permeability Test) โดยเครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตาจะมีการทดสอบว่าระคายเคืองต่อดวงตา ด้วยการทาการหยอดสารเข้าไปในตาของกระต่าย บางตัวอาจตาบอดและแสบตาได้ถ้าเกิดการระคายเคือง เมื่อการทดสอบสำเร็จแล้วก็จะทาการเมตตาฆาต (Euthanasia) กับสัตว์ทดลอง คือการฆ่าด้วยความเมตตา อาจจะเป็นการฉีดยาให้สัตว์ตายหรือรมแก๊ส ที่ต้องทาเมตตาฆาตเพราะว่าสัตว์ที่ทาการทดลองแล้วจะไม่นามาใช้ทดลองซ้ำอีก
"ผู้ทำการทดลองส่วนมากก็ไม่ได้อยากจะทำการทดลองกับสัตว์นะ แต่ที่ต้องทาเพราะยังมีความจาเป็นที่ต้องตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ใช้ และอยู่ในข้อกาหนดตามหลักสากล ยอมรับว่าเขาเสียสละชีวิตเพื่อความปลอดภัยของมนุษย์ โดยส่วนตัวจะให้ความเคารพในชีวิตของสัตว์ทดลองที่เขาต้องสละชีวิตก็เพื่อประโยชน์ของเรา" รศ.ภญ.ดร.สุพัตราพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า การทดลองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในปัจจุบันไม่จำเป็นแล้วที่จะต้องใช้สัตว์ทดลอง เนื่องจากมีวิธีการที่มีการพัฒนาและเป็นที่ยอมรับซึ่งอยู่ใน OECD Test Guidelines หรือทำการทดสอบกับเซลล์เพาะเลี้ยงแทน
ปัจจุบันมีเครื่องสำอางที่ไม่ทาการทดลองกับสัตว์มากขึ้น เพราะส่วนประกอบที่ใช้หรือสารเคมีที่อยู่ในเครื่องสำอางล้วนเคยผ่านการทดสอบกับสัตว์มาก่อนแล้ว การทดสอบที่เคยมีคนทดสอบมาก่อนจึงไม่จำเป็นต้องทดสอบซ้ำอีก นั่นเพราะมีการยอมรับแล้วว่าส่วนผสมเหล่านี้ปลอดภัย เพียงแค่ดูข้อมูลแล้วนำมาทดสอบภายนอกร่างกายกับคน ซึ่งเรียกว่า ‘In Vitro Topical and Cosmetic Testing’ การทดลองผลิตภัณฑ์กับสัตว์ ถ้าในเรื่องของเครื่องสำอางการทดสอบกับสัตว์อาจไม่จำเป็นแล้ว แต่ยารักษาโรคยังมีความจำเป็นที่ต้องใช้สัตว์ทดลองอยู่ รศ.ภญ.ดร.สุพัตรา กล่าวทิ้งท้าย 
ภาพ : การทดสอบความเป็นพิษในเครื่องสำอางกับสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล
photo credit  : www.peta.org
ปัจจุบันมีกลุ่มคนและเครื่องสำอางหลายยี่ห้อทั่วทุกมุมโลกการออกมารณรงค์ต่อต้านการใช้สัตว์ทดลองในเครื่องสำอางมากขึ้น เมื่อต้นปี 2555 ศิลปินสาว ‘แจคเกอลีน เทรด’ (Jacqueline Traide) ร่วมมือกับ ลัช (Lush) จำลองการแสดงการทดลองเครื่องสาอางกับสัตว์ขึ้นที่ร้าน ลัช สาขาถนนรีเจนท์ ในกรุงลอนดอน โดยศิลปินสาวลงทุนเป็นหนูทดลองเอง ในการแสดง แจคเกอลีน เทรด ถูกทรมานจริงทั้งการโกนศีรษะ การใช้สารเคมีทาที่ผิวหนัง การถูกทรมานด้วยการป้อนอาหารทดลอง และการทรมานอื่นๆ อีกมากมายเป็นเวลานานกว่า 10 ชั่วโมง สาเหตุที่เธอจาลองการแสดงการทดลองนี้เป็นเพราะต้องการรณรงค์ให้ทุกคนเห็นว่า การใช้สัตว์ในอุตสาหกรรมยาและเครื่องสาอางนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ทั้งยังต้องการให้สิ่งเหล่านี้หมดไปให้เร็วที่สุด
ภาพ : การทดลองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางกับสัตว์ที่จำลองขึ้นโดย แจคเกอลีน เทรด และ ลัช
photo credit : Mark Large
นายชัยชาญ เลาหศิริปัญญา ผู้อำนวยการและเลขาธิการ สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) พูดถึงการใช้สัตว์ทดลองในเครื่องสำอางว่าไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะสามารถทำได้ง่ายๆ จะต้องมีการเขียนโครงการและจำนวนสัตว์ที่ใช้ มีการพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะทำการทดสอบอย่างไร เพราะ การใช้ทดลองสัตว์ส่วนมากแล้วผู้ใช้จะพยายามใช้ชีวิตสัตว์ให้น้อยและใช้อย่างจำเป็นที่สุด  
“ถ้าถามว่าเป็นการทารุณสัตว์หรือไม่ ในกรณีนี้ถือว่าเป็นการทารุณซึ่งมีเหตุอันควร เพราะว่าการนำสัตว์มาทดลองก็เพื่อผลประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติ ผู้ทำการทดลองควรจะต้องมีจรรยาบรรณ ควรให้ความเคารพ และไม่ให้เกิดความสูญเสียชีวิตสัตว์ทดลองเป็นจำนวนมาก การทดลองเครื่องสำอางอาจจะทารุณไม่มากเมื่อเทียบกับการทดลองประเภทอื่น อย่างไรก็ตามเรื่องของการรณรงค์ต่อต้านการทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์ในประเทศไทยยังมีค่อนข้างน้อยและยังไม่เป็นที่นิยมมากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ” นายชัยชาญพูดทิ้งท้ายด้วยแววตาเศร้า
ภาพ : โลโก้ที่แสดงถึงสัญลักษณ์ว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไม่ได้ใช้สัตว์ในการทดลอง
ด้านมืดของความสวยงามของเครื่องสำอางที่ใช้สัตว์ในการทดลองและสัตว์ทดลองต้องแบกรับความเจ็บปวดจากการทดสอบความปลอดภัยของเครื่องสำอางมากมายหลากหลายวิธี ถ้าไม่อยากใช้เครื่องสำอางที่ใช้สัตว์ในการทดลองสามารถมองหาสัญลักษณ์ ‘Crueltry-Free’ ที่มีรูปกระต่าย หรือ มีข้อความระบุว่า ‘Not Tested In Animals’
บทความนี้อยากให้ทุกท่านระลึกไว้เสมอว่าคุณค่าหรือความโด่งดังของเครื่องสำอางที่หลายคนชื่นชอบเป็นเพียงแค่เปลือกนอกที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้ภาพที่สวยหรู แต่เบื้องหลังกลับมีความเจ็บปวดของสัตว์ทดลองที่ไม่สามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้เหมือนมนุษย์ ซึ่งขั้นตอนการทดลองสัตว์ทดลองต้องสละชีวิต ทนต่อความเจ็บปวดหลากหลายรูปแบบ และเมื่อการทดลองสิ้นสุดลง สัตว์ทดลองตัวน้อยก็ต้องถูกเมตตาฆาตโดยที่ไม่ได้ร้องขอ... แม้จะเป็นเพียงชีวิตเล็กๆ แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีคุณค่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้ชีวิตมนุษย์
บางทีเราก็ทาร้ายเพื่อนร่วมโลกโดยไม่รู้ตัว หยุดเสียแต่ตอนนี้ดีกว่าไหม มนุษย์ผู้มีความศิวิไลซ์อย่างพวกเราสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องทำร้ายใคร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น