วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

คอลลาเจนสกัดบริสุทธิ์ จากเกล็ดปลาทะเล

คอลลาเจนสกัดบริสุทธิ์ จากเกล็ดปลาทะเล โดยสกัดจนได้ความบริสุทธิ์สูงสุดไม่มีกลิ่นคาวของปลา มีคอลลาเจนสกัดบริสุทธิ์ จากเกล็ดปลาทะเล โดยสกัดจนได้ความบริสุทธิ์สูงสุดไม่มีกลิ่นคาวของปลา มีอนุภาคที่เล็กมาก และมีลักษณะคล้ายกับเซลล์ผิวของมนุษย์ จึงได้ผลลัพธ์สูงที่สุดในการบำรุงผิวอนุภาคที่เล็กมาก และมีลักษณะคล้ายกับเซลล์ผิวของมนุษย์ จึงได้ผลลัพธ์สูงที่สุดในการบำรุงผิว

คอลลาเจน เป็นเส้นใยโปรตีนใต้ชั้นผิวหนังแท้และมีปริมาณมากกว่า 70 % ในชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นโครงร่างผิว ทำให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น กระชับ นุ่มนวลและเรียบเนียนอยู่เสมอเมื่อคนเราอายุมากขึ้นและหากอายุ 30 ปีขึ้นไป อัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิวหนังก็จะลดลงในอัตรา 1.5 % ต่อปี

คอลลาเจน เป็นเส้นใยโปรตีนใต้ชั้นผิวหนังแท้และมีปริมาณมากกว่า 70 % ในชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นโครงร่างผิว ทำให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น กระชับ นุ่มนวลและเรียบเนียนอยู่เสมอเมื่อคนเราอายุมากขึ้นและหากอายุ 30 ปีขึ้นไป อัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิวหนังก็จะลดลงในอัตรา 1.5 % ต่อปีส่งผลทำให้ผิวขาดความยืดหยุด และเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ดังนั้นเราสามารถเติมคอลลาเจนเราสามารถเติมคอลลาเจนจากธรรมชาติเข้าไปทดแทนด้วยการทาลงบนผิวโดยตรงเพื่อเพิ่มปริมาณคอลลาเจนให้ชั้นผิว ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผิวพรรณกลับคืนสู่ความวัยเยาว์ และถนอมรักษาผิวพรรณนั้นให้ดูเปล่งปลั่งสดใส เต่งตึงอยู่เสมอ

เมื่อทาคอลลเจนบริสุทธิ์ลงบนผิวจะสัมผัสได้ทันทีถึงความตึงกระชับที่ผิวใช้ ด้วยคุณภาพของคอลลาเจนบริสุทธิ์แท้ 100 % ซึ่งมีอนุภาคที่เล็กมากสามารถซึมสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วลึกถึงผิวชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ( เหมาะสำหรับใบหน้า รอบดวงตา ลำคอ )

ช่วยยกกระชับผิวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเสริมสร้างและทดแทนคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ และเร่งซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย ทำให้เซลล์ผิวหนังอุ้มน้ำได้ดี ผิวพรรณจึงดูอ่อนเยาว์และกระชับเต่งตึง ใช้บำรุงผิวชะลอความแก่ เพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิว

ทำให้ผิวชั้นนอกนุ่มตึงขึ้นเรียบขึ้นช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวที่เกิดจากความแห้งกร้านให้ความชุ่มชื้นในชั้นหนังแท้ พร้อมเสริมสร้างไฟบริน ทำให้ผิวตึงกระชับ รู้สึกได้ทันทีหลังใช้ ผิวหน้าตึงขึ้น เนียนเรียบกระชับขึ้น คอลลาเจนจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วผ่านผิวหนังเข้าไปทดแทนคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพไปเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง

คอลลาเจนที่สกัดจากเกล็ดปลาทะเลเป็นสารละลายประเภทเปปไทด์ที่มีองค์ประกอบของกรดอะมิโนที่ได้จากธรรมชาติ ที่ไม่สามารถสังเคราะห์โดยวิธีทางเคมี แต่สามารถสังเคราะห์ได้ด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพ มีประสิทธิภาพดีกว่าคอลลาเจนชนิดรับประทานและมีประสิทธิภาพสูงในการลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนัง ทำให้ผิวหนังยังคงความยืดหยุ่นและทำหน้าที่อุ้มน้ำไว้ได้ผิวพรรณจึงดูอ่อนเยาว์และกระชับเต่งตึงยืดหยุ่นกระชับ นวลนุ่มเรียบเนียน สดใสอ่อนวัย


สนใจรับคอนลาเจนไปดูแลตัวเอง
คลิกเลยhttp://skybeauty.lnwshop.com/product/50/we-collagen

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

ถั่วขาว

ประโยชน์ของสารสกัดจากถั่วขาว

สารสกัดจากถั่วขาว หรือ ฟาซิโอลามิน (Phaseolamin) คือ สารที่ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ แอลฟา-อะไมเลส ที่ทำหน้าที่ย่อยคาร์โบไฮเดรต บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยแป้งให้เป็นโมเลกุลที่เล็กลง ส่งผลให้อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่เรารับประทานเข้าไปถูกดูดซึมนำไปใช้เป็น พลังงานเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยสารฟาซีโอลามิน มีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการย่อยแป้งเป็นน้ำตาลถึง 66% แล้วขับถ่ายเป็นแป้งออกไปทั้งหมด ที่เหลืออีก 34% นั้นเอ็นไซม์จะย่อยน้ำตาลอย่างอิสระเช่นเดิม แป้งที่เราบริโภคเข้าไปจึงไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทั้งหมด การสะสมของไขมันที่เกิดจากการเปลี่ยนรูปของน้ำตาลจึงลดลงด้วย เมื่อร่างกายได้รับพลังงานลดลง จึงดึงเอาไขมันเก่าที่สะสมไว้มาเผาผลาญ ทำให้ไขมันในร่างกายลดลงด้วย

ประโยชน์ของสารสกัดจากถั่วขาว
1.) มีส่วนช่วยในการยั้บยั้งการย่อยของคาร์โบไฮเดรต
2.) ป้องกันไม่ให้เกิดอาการหิวบ่อย
3.) มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
4.) ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
5.) ลดระดับไตรกลีเซอไรด์
ถ้ารับประทานแค่สารสกัดจารถั่วขาวนั้นไม่สามารถทำให้เราผอมได้อย่างสมบรูณ์ เพราะสารสกัดจากถั่วขาวเพียงแค่ช่วยในเริ่องกระบวนการเท่านั้น แต่เราต้องเสริมสร้างด้านอื่นด้วย เช่น ออกกำลังกาย งดรัประทานอาหารที่มีไขมัน หรือ คอเลสเตอรอลที่มีสูง ถ้าเราเพียงแค่ คิดว่ารับประทานสารสกัดจากถั่วขาวเพียงอย่างเดียวจะทำให้ผอมได้ คุณอาจจะคิดผิดก็ได้

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

พิษภัยของสารเคมีในผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่คุณควรทราบ

พิษภัยของสารเคมีในผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่คุณควรทราบ



คุณเคยทราบหรือไม่ว่าผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่ทำให้ผมคุณสวยได้หลากหลายเฉดสี มีสารเคมีซึ่งส่งผลข้างเคียงต่อทั้งเส้นผม เซลผม หนังศีรษะและสุขภาพโดยรวม ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเราควรมีความรู้เท่าทันผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เรามาดูกันเลยว่าในผลิตภัณฑ์ย้อมผมมีสารเคมีอะไรบ้าง

1.
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ( Hydrogen Peroxide)

เป็นสารเร่งปฏิกิริยาการติดสีมีผลในการทำลายเส้นผม กัดสีผมและทำลายเซลผมรวมถึงเซลสร้างเม็ดสี ดังนั้นยิ่งย้อมบ่อยยิ่งหงอกเร็ว และยังก่อให้เกิดอาการแสบและระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ผมแข็งกระด้าง แห้งเสียและเป็นสารก่อมะเร็ง

2.
พีพีดี ( PPD; Para-Phenylene Diamine )

พบในยาย้อมผมส่วนมาก ทั้งที่ระบุว่ามีหรือไม่มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ มีฤทธิ์ก่อการระคายเคืองต่อเซลผมและหนังศีรษะ มีรายงานจากต่างประเทศพบว่าผู้ที่ย้อมผมด้วยสารกลุ่มนี้เป็นประจำจะมีสารสะสมในกระเพาะปัสสาวะและมีโอกาสเป็นมะเร็งที่หนังศีรษะได้

3.
แอมโมเนีย ( Ammonia )

เป็นสารที่พบในยาย้อมผมควบคู่กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เพราะเป็นตัวช่วยให้การติดสีผมดีขึ้น อันตรายของสารนี้คือฤทธิ์ของความเป็นด่างที่มีผลในการกัดเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมเสีย ผมร่วง รากผมอ่อนแอ มีกลิ่นฉุนแสบจมูก

4.
โลหะหนัก เช่น เงินไนเตรต ( Silver Nitrate ) และ ตะกั่วอะซีเตต ( Lead Acetate )

เป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับอากาศแล้วเปลี่ยนเป็นสีดำ เป็นสารพิษที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองบนหนังศีรษะ หากเข้าตาจะทำลายเยื่อหุ้มตาถึงขั้นตาบอด หากสะสมในร่างกายอาจทำลายสมองและประสาทสัมผัส และจัดเป็นสารก่อมะเร็ง

เมื่อทราบเช่นนี้แล้วหลายคนก็คิดว่าหันมาใช้ยาย้อมผมสมุนไพรดีกว่าจะได้ปลอดภัย แต่หารู้ไม่ว่ายาย้อมผมสมุนไพรบางยี่ห้อมีส่วนผสมของพืชที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น มะเกลือ(มีสารไดออสไพรอลเป็นพิษต่อประสาทตาทำให้ตาบอดได้แม้ไม่ได้สัมผัสโดยตรงหรือเข้าตา) พญามือเหล็ก(มีสารสตริกนินซึ่งมีความเป็นสารพิษ) ดังนั้นก่อนจะซื้อต้อง อ่านฉลากให้ดีก่อนเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ

ทางกลุ่มเภสัชกรและนักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ดูแลสุขภาพผมจีวา ได้คิดค้นและวิจัยสมุนไพรบำรุงผมเปลี่ยนสีผมขาว ใช้สีที่เกิดจากสมุนไพรเทียนกิ่ง (Lawsonia inermis) ไม่ใส่สารทำสีสังเคราะห์ใด ๆ โดยผสมกับสมุนไพรบำรุงผม เช่น อัญชัน เพื่อให้ผมมีสีเข้มขึ้น และนุ่มสวยเป็นเงางาม มีน้ำหนัก จัดทรงง่าย เนื่องจากในสมุนไพรเหล่านั้นมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอผมหงอก


สนใจนำสมุนไพรไปใช้เพื่อบำรุงและเปลี่ยนสีผม
คลิกที่นี้เลย
http://skybeauty.lnwshop.com/product/39/noni-essential-hair-color



วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ( Grape Seed Extract )

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ( Grape Seed Extract )

เมล็ดองุ่นนั้นมีประโยชน์กับผิวพรรณเราเป็นอย่างมาก ซึ่งในองุ่นนั้นมีสารกลุ่มเฟลโวนอยด์ที่พบมากในเมล็ด และเปลือกขององุ่น มีสารเฟลโวนอยด์(Flavonoid) ที่เรียกว่า โปรแอนโธไซยานิดิน สารนี้เมื่อรวมตัวกันจะอยู่ในรูปของ โอริโกเมริค โปรแอนโธไซยานิดิน (Oligomeric proanthocyyanidin) หรือเรียกย่อๆ ว่า OPC มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและมากกว่าวิตามินอีถึง 20 และ 50 เท่าตามลำดับ  บางทีเรียกกันว่า ซูเปอร์แอนติออกซิแดนท์ (Superantioxidant) OPC เป็นชื่อย่อของ Oligoneric Proanthocuanidin จัดเป็นสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) เมื่อรับประทานเข้าไปในร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสารสีแดงชื่อแอนโทไซยานิดิน OPC เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากธรรมชาติ มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระเหนือกว่า (Antioxidant) อื่นๆ จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น Superantioxidant โดยพบว่ามีประสทธิภาพแรงกว่าวิตามินซี 20 เท่า และแรงกว่าวิตามินอี 50 เท่า นอกจากนี้ OPC เมื่อรับประทานร่วมกับวิตามินซี จะช่วยเสริมฤทธิ์ให้วิตามินคงตัว และออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นบางคนจึงเรียก OPC ว่าเป็นวิตามินซีโคแฟกเตอร์ (Vitamin C cofactor) OPC พบในส่วนผสมของผิวและเมล็ดของผลไม้หลายชนิด คือ องุ่น บลูเบอรี่ เชอรี่ พลัม รวมทั้งเปลือกสน แต่แหล่งที่สำคัญของ OPC  คือเมล็ดองุ่น (Grape seed) ความจริงในเนื้อองุ่นทั้งองุ่นเขียว และองุ่นม่วงก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าในเมล็ด ดังนั้น ในไวน์แดง ซึ่งเด้จากการหมักผลองุ่นพร้อมเล็ดจึงมี OPC อยู่ไม่น้อย จึงมีผู้แนะนำให้ดื่มไวน์แดงเป็นประจำ เพื่อป้องกันโรคหัวใจ อย่างไรก็ตามผู้ที่คาดหวังจะได้ OPC มาก จากการดื่มไวน์แดงคงจะไม่คุ้มกัน เพราะจะได้รับแอลกอฮอล์เข้าไปไม่น้อย อาจทำให้เป็นโรคตับแข็งก่อนก็เป็นได้ ในเมล็ดองุ่นแม้จะเป็นแหล่งที่ดีของ OPC แต่ก็ไม่แนะนำให้รับประทานเมล็ดองุ่นโดยตรงเพราะมีสารชนิดอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ จึงมีการนำเมล็ดองุ่นมาสกัดได้เป็นสารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape seed Extract) ซึ่งอุดมด้วยสาร OPC พบว่า ในสารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะมีปริมาณของ OPC สูงสุดร้อยละ 95 รองลงมาคือเปลือกสนมี OPC ร้อยละ 80-85 นอกจากนี้ OPC จากเมล็ดองุ่น ยังมีประสิทธิภาพและความเข้มข้นสูงกว่าที่พบในเปลือกสนด้วย
ประโยชน์ของสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
1.) ป้องกันริ้วรอย ฝ้า กระ
2.) ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง
3.) ต้านการอักเสบ 

4.) ลดอาการภูมิแพ้ 
5.) ป้องกันสมองเสื่อม 
6.) ป้องกันการเสื่อมของดวงตา 
7.) ป้องกันมะเร็ง
8.) ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
9.) ทำงานร่วมกันกับวิตามินซี

สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส ( Pine Bark Extract )

สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส ( Pine Bark Extract )
ต้น สนมาริไทม์ ซึ่งมีต้นกำเนิดที่ประเทศฝรั่งเศส นั้นนอกจากนิยมนำมาประดับตกแต่งใช้เป็นต้นคริสต์มาสแล้ว ชาวยุโรปยังนำเปลือกต้นสนดังกล่าวมาใช้เป็นยาพื้นบ้านด้วย โดยใช้เป็นยาระงับการปวดบวม และแก้อักเสบ ต่อมามีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้ให้ความสนใจ สรรพคุณของสารสกัดจากเปลือกสน จึงมีงานวิจัยออกมาจำนวนมากที่กล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ ของสารสกัดจากเปลือกสน ซึ่งยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจในแง่ของเครื่องสำอางและบำรุงสุขภาพอีกด้วย
นอก จากสามารถสกัดได้จากเปลือกสนเเล้ว ยังสามารถสกัดได้จากเมล็ดองุ่น เมล็ดลำไย เมล็ดทุเรียน เป็นต้น ซึ่งเป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) ที่มีโครงสร้างแบบโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (Free Radical) หรือที่เรียกว่าเป็นสารในการแอนตี้ออกซิเดนท์ ได้ดีกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และดีกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า ยังมีกรดอินทรีย์ซึ่งจะร่วมกันทำงานอย่างลงตัว ทำให้มีการออกฤทธิ์ได้ดีกว่าสารประกอบเดี่ยวๆตัวใดตัวหนึ่ง
ประโยชน์ของสารสกัดจากเปลือกสน
1.) กระ ฝ้าและริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยให้ผิวขาว หน้าใส
2.) อาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้า
3.) ลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด
4.) ความผิดปกติของเส้นเลือด
5.) ป้องกันโรคเกี่ยวกับเส้นเลือดดำ
6.) ป้องกันโรคหัวใจและไขมันอุดตันสมอง

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

ทับทิม

ทับทิม





ทับทิม ทับทิม (Pomegranate) เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัพกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่เนื้อทับทิมนั้นจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีนอีกด้วย ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมากๆด้วยนั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่างๆ ที่มีน้ำมนต์ในประกอบพิธี หรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆได้ด้วย ทับทิม ยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิม และสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมี วิตามินซี สูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความมันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น 

ประโยชน์ของทับทิม
 ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส 
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยในการชะลอวัย 
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง ด้วยการนำน้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชามาทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก 
น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย 
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
 ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด 
ทับทับมีวิตามินซีสูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดโฟลิกอีกด้วย 
ใบทับทิมใช้ในการประกอบพิธีต่างๆที่ใช้น้ำมนต์ในการประกอบพิธี 
นำมาใช้ทำเป็นขนมหวาน อย่างทับทิมกรอบ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงฤดูร้อน เพราะให้ความสดชื่นคลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์ 
ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน
 ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ 
ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน 
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาอักเสบ น้ำต้มเปลือกทับทิมช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ 
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเสริมสุขภาพหัวใจให้ดียิ่งขึ้น 
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน 
ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง 
ช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน 
ช่วยลดความดันโลหิตสูง 
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด 
ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
 ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่างๆได้เป็นอย่างดี 
ช่วยแก้อาการระดูขาว ตกเลือด
 ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
 มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย 
เปลือกทับทิมสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
 เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
 เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน 
เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
 ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่าย และทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น
 เปลือกต้นและเปลือกรากของทับทิม สามารถใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเปลือกของรากและต้นที่ยังสดๆประมาณครึ่งกำมือ เติมกานพลูวงไปเล็ก น้อยเพื่อแต่งรส นำมาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจกเหลือถ้วยครึ่ง แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงรับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลืออีก 2 ช้อนโต๊ะตามไป อีกครั้งหนึ่ง
 ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล 
ดอกทับทิม ช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
 ใบของทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอ หรือทำเป็นยาล้างตาก็ได้
 ช่วยลดปัญหาผมร่วง ด้วยการนำยาพอกที่ได้จากใบ แล้วนำมาพอกหนังศีรษะ
 ชาวอินเดียนำน้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกของทับทิมมาปรุงเป็นยาธาตุ สมานลำไส้ บำรุงหัวใจ
 ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น 
ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ 

คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อทับทิม ต่อ 100 กรัม 
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
 คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม 
น้ำตาล 13.67 กรัม เส้นใย 4 กรัม
 ไขมัน 1.17 กรัม โปรตีน 1.67 กรัม 
วิตามินบี1 0.067 มิลลิกรัม 6% 
วิตามินบี2 0.053 มิลลิกรัม 4% 
วิตามินบี3 0.293 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี5 0.377 มิลลิกรัม 8% 
วิตามินบี6 0.075 มิลลิกรัม 6% 
วิตามินบี9 38 ไมโครกรัม 10% 
โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2% 
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม 12% 
วิตามินอี 0.6 มิลลิกรัม 4% 
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม 4%
 ธาตุแคลเซียม 10 มิลลิกรัม 1%
 ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2% 
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3% 
ธาตุแมงกานีส 0.119 มิลลิกรัม 6% 
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม 5% 
ธาตุโพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม 5% 
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0% 
ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4% % 
ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ 

(ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database) แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), สำนักงานข้อมูลสมุนไพรมหาวิทยาลัยมหิดล เรียบเรียงข้อมูลโดย ฟรินน์ดอทคอม

สารสกัดจากชาเขียว

สารสกัดจากชาเขียว (Catechin)






ชาเขียว (Green Tea) เป็นชาที่ไม่ผ่านขั้นตอนการหมักเลย เพราะเมื่อเก็บใบชามาได้จะนำมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อ ทองแดงโดยใช้ความร้อนไม่สูงเกินไปนักและใช้มือคลึงเบาๆ ก่อนแห้ง หรืออบไอน้ำ ในระยะเวลาสั้นๆ แล้วนำไปอบแห้งเพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ จึงได้ใบชาที่มีความสด และยังมีสีเขียวอยู่มาก การที่ใบชาไม่ผ่านขั้นตอนการหมักทำให้ใบชา ยังมีสารประกอบฟีนอลิก ( Phenolic compound ) หลงเหลืออยู่มากกว่า ชาดำกับชาอูหลง ทำให้ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาชนิดอื่น
ชา มีสารแคทิชิน (Catechin) ซึ่งมีฤทธ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และเพิ่มสามารถในการจดจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง epigallocatechin-3-gallate (EGCG) ที่มีอยู่มากในตัวชา EGCG ซึ่งเป็นแคทิชิน ชนิดหนึ่งในชา มีฤทธิ์ในการลดความอ้วน ลดไตรกลีเซอไรด์ ลดคอเลสเตอรอล เพิ่มการใช้พลังงาน เพิ่มสันดาปไขมันในสัตว์ทดลอง ลดการดูดซึมไขมันในลำไส้ ลดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมัน ลดการสะสมของไขมันหน้าท้อง
สรุปชาเขียวมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆ ดังนี้
  • ช่วยในการขับสารพิษ และสารอนุมูลอิสระ จึงส่งผลในการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง และโรคความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
  • EGCG จากชาเขียวสกัด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคท่อเลือดแดง และหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดอุดตัน (Coronary Artery Disease) จากการวิจัยพบว่า ชาเขียวสามารถช่วยลดคอเรสเตอรอลรวม และเพิ่มปริมาณคลอเรสเตอรอลชนิดดี(HDL)
  • สารโพลีฟีนอล สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ สามารถช่วยทำลายเซลล์มะเร็งและหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทั้งนี้ ชาเขียวมี ผลลัพธ์ ทางการแพทย์ในเชิงบวกต่อการรักษามะเร็งประเภทต่อไปนี้ เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งทรวงอก มะเร็งรังไข่ มะเร็งปลายลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมน้ำอสุจิ มะเร็งผิวหนัง มะเร็งกระเพาะอาหาร
  • ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานประเภท-I และชะลอการเกิดโรคเบาหวาน เมื่อโรคเบาหวานได้เริ่มต้นเกิดขึ้นแล้ว โดยจะทำการควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล
  • ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ จึงสามารถช่วยล้างพิษและกำจัดพิษในลำไส้ของเราได้
  • ช่วยในการการป้องกันตับจากความเสียหายจากสารพิษต่างๆ เช่น แอลกอฮอลล์
  • สารสกัดชาเขียว ช่วยในการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายให้เป็นพลังงาน
  • ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เนื่องจากมีผลในการกระตุ้นการทำงานระดับเซลล์

ดร.นิรัชรา เลาหประสิทธิ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายว่า คาเทชิน เป็นสารประเภทโพลิฟินอล (Polyphenols) สามารถพบได้ในอาหารประเภทต่างๆ เช่น โกโก้ ไวน์ แอปเปิ้ล แต่พบปริมาณสูงที่สุดในชาเขียว คาเทชินเป็นอาวุธสำคัญของธรรมชาติที่เข้าไปทำหน้าที่ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในร่างกาย คาเทชินที่มีอยู่ในชาเขียวสามารถพบได้ในหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่สำคัญ คือ EGCG (Epigallocatechin gallate) EGCG ซึ่งเป็นอาวุธที่เข้าไปช่วยป้องกันปฏิกิริยา “ออกซิเดชั่น” อันเกิดจากเซลล์ในร่างกายทำปฏิกิริยากับออกซิเจนที่สามารถพบได้ในอากาศและปล่อย “สารอนุมูลอิสระ” เมื่อไม่เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ร่างกายจึงไม่ผลิตสารอนุมูลอิสระ สารอนุมูลอิสระนี้เป็นสาเหตุของการเสื่อมเสียต่างๆ เป็นต้นเหตุของความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามอายุที่เพิ่มขึ้น และพบความเชื่อมโยงของสารอนุมูลอิสระที่จะสามารถส่งผลให้เกิดมะเร็งได้

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

เห็ดหลินจือ

เห็ดหลินจือ






                          เห็ดหลินจือ ที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมีมากมายกว่า 100 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่นิยมและมีสรรพคุณทางยาที่ดีที่สุดคือ สายพันธุ์สีแดง หรือ เห็ดหลินจือแดง หรือ กาโนเดอร์ม่า ลูซิดั่ม (Ganoderma lucidum) โดยในเห็ดหลินจือจะมีสารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งจะช่วยยับยั้งและรักษาอาการต่างๆ (ประโยชน์ด้านล่าง) โดยแต่ละชนิดจะมีปริมาณสารพอลิแซ็กคาไรด์ในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นสายพันธุ์สีแดงที่กล่าวข้างต้น เห็ดชนิดนี้จัดว่าเป็นของหายากที่มีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรจีน โดยมีการยกย่องว่าเป็นยอดเห็ด เป็นเห็ดที่ดีที่สุดในหมู่สมุนไพรจีน เพราะได้มีการบันทึกในคัมภีร์โบราณ “เสินหนงเปินเฉ่า” (ตำราเก่าแก่ที่คนจีนนับถือกันมากที่สุด) ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า เห็ดหลินจือนี้เป็นเทพเจ้าแห่งชีวิต ที่มีพลังมหัศจรรย์นักวิทยาศาสตร์พบว่าในเห็ดชนิดนี้มีสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 250 ชนิด !! เป็นยาบำรุงร่างกายและใช้เป็นยาอายุวัฒนะในการยืดอายุ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รักษาโรคต่างๆได้หลายโรค และยังปลอดภัยไม่มีสารพิษใดๆ ต่อกับร่างกาย ! ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเห็ดหลินจือออกมาจำหน่ายค่อนข้างมาก สำหรับการเลือกซื้อคุณควรศึกษาตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก เพราะเห็ดหลินจือที่จะมีคุณภาพดีนั้น จะต้องได้รับการเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งความชื้น แสงสว่าง รวมไปถึงสารอาหารที่ได้รับ และสิ่งที่ต้องดูอีกเรื่องก็คือขั้นตอนการแปรรูป ตรงนี้ก็สำคัญเพราะเป็นกระบวนการที่จะต้องสารสกัดพอลิแซ็กคาไรด์จากเห็ดออกมาให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่ต้องให้ความสนใจด้วย โดยต้องเป็นบรรจุ ภัณฑ์ที่สามารถกันความชื้นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเห็ดชนิดนี้จะไวต่อความชื้นเป็นพิเศษและความชื้นจะทำให้เห็ดหลินจือขึ้นราได้นั่นเอง 


ประโยชน์ของเห็ดหลินจือ
 เห็ดหลินจือสรรพคุณใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย 
ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สีหน้าแจ่มใส 
ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
 สรรพคุณเห็ดหลินจือใช้เป็นยาอายุวัฒนะ 
ช่วยทำให้อายุยืนยาว 
ช่วยชะลอแก่ ชะลอวัย 
ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรง 
ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น 
ช่วยส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้น 
ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น 
ช่วยผ่อนคลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ 
ทำให้นอนหลับได้สนิท 
ช่วยทำให้ประสาทสัมผัสต่างๆ ดีขึ้น 
สรรพคุณช่วยรักษาและต่อต้านมะเร็ง โดยส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
 กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็ง 
ช่วยแก้พิษจากรังสี คีโม เช่น เม็ดเลือดขาวต่ำจากคีโม ท้องเสียอักเสบจากการฉายรังสี 
อาการปวดจากพิษบาดแผล 
ช่วยลดความดันโลหิตและรักษาโรคความดันโลหิตสูง 
ช่วยปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำให้สมดุล 
ช่วยรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ 
ช่วยป้องกันเส้นเลือดในสมองและหัวใจอุดตัน
 ป้องกันอัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยลดไขมันในเลือด
 ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคหมอนรองกระดูกแตกกดทับเส้นประสาทให้ทุเลายิ่งขึ้น 
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด 
ช่วยควบคุมอาการเบาหวาน 
ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ หอบหืด ช่วยรักษาโรคประสาท 
สรรพคุณของเห็ดหลินจือช่วยบำรุงตับ และรักษาโรคตับ ตับแข็ง ตับอักเสบ 
เห็ดหลินจือรักษาโรคไตเรื้อรังบางชนิด โดยช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตให้ดีขึ้น 
ช่วยรักษาโรคลมบ้าหมู 
ช่วยแก้อาการอาหารเป็นพิษ 
ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ 
ประโยชน์เห็ดหลินจือช่วยขับปัสสาวะ 
ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร 
ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ
 ประโยชน์ของเห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคเกาต์ 
ช่วยสลายใยแผลเป็น หรือพังผืดหดยืด 
ทำให้ในแผลเป็นอ่อนนิ่มและหดตัวเล็กลง 
ช่วยยับยั้งเชื้อไวรัส อย่าง ไวรัสเอดส์ อีสุกอีใส งูสวัด ช่วยรักษาโรคลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง (SLE) หรือโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ 
ช่วยแก้อาการป่วยบนที่สูง เช่น อาการหูอื้อ 
ช่วยรักษาโรคที่มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจน เช่น ถุงลมโป่งพอง หัวใจหล้มเหลว เส้นเลือดหัวใจตีบ 
ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน 
ช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก 
ช่วยป้องกันการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ 


เห็ดหลินจือจัดเป็นสเตียรอยด์ธรรมชาติ ซึ่งไม่มีสารพิษหรือผลข้างเคียงเหมือนกับสเตรียรอยด์สังเคราะห์

โสม

ประโยชน์ของโสมเกาหลีสกัด
โสม เป็นยาอายุวัฒนะที่ใช้กันมากในตำราแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมมานับพันปี เพราะสามารถบำรุงร่างกายและรักษาโรคได้สารพัด โสมเป็นพืชยืนต้นที่มีรากขนาดใหญ่ มักมีรูปร่างเหมือนคน สามารถนำมาใช้ได้ทั้งรากหัว รากกกิ่ง รากฝอย ใบ ดอก และผล แต่คนนิยมนำรากมาใช้ รากโสม มีฤทธิ์อุ่น มีกลิ่นหอมเล็กน้อย รสหวานอมขม
 
หลายคนคงรู้ว่า เกาหลีเป็นประเทศที่ส่งออกโสมมากที่สุด โดย โสมเกาหลี แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ โสมขาวและโสมแดง โสมขาว เป็นโสมที่มีการใช้รากแห้ง โดยใช้การตากแดด ส่วน โสมแดง ใช้ การอบด้วยไอน้ำ ก่อนทำให้แห้ง โสมแดงจึงมีคุณภาพดีกว่าและแพงกว่าโสมขาว โสมเกาหลีนั้น รับประทานได้ไม่จำกัดช่วงเวลา เนื่องจากไม่ทำให้กระเพาะอาหารระคายเคือง แต่คนเกาหลี นอกจากจะรับประทานโสมเพื่อสุขภาพแล้ว ยังรับประทานเพื่อความอบอุ่น แต่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ดังนั้นการรับประทานโสม จึงมีข้อจำกัดที่ต่างออกไปเล็กน้อย แล้วแต่ความสะดวก ความชอบของแต่ละบุคคล แต่ที่นิยม มักผสมเจือจางผสมในน้ำสะอาดเพื่อสำหรับดื่ม

จากการวิจัยศึกษาทดลองพบว่าใน โสมเกาหลี มีสารประกอบต่างๆ เช่น   Saponin (ซาโปนิน), Malphenol ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์มากมาย อาทิ ช่วยบำรุงเลือด ทำให้ไหลเวียนได้ดี สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ลดอาการอ่อนเพลีย อาการเครียด สามารถฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศในชาย ช่วยปรับระดับฮอร์โมน phytoestrogen ให้สมดุล เพื่อลดอาการวูบวาบและอาการอื่นๆ ในสตรีหมดประจำเดือน ทำให้นอนหลับสนิท ช่วยในการสลายลิ่มเลือด กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน  และลดการสะสมของไขมันในเลือด ชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายทำงานได้สมบูรณ์ การวิจัยศึกษาและทดลองคุณสมบัติของโสมที่มีผลต่อสุขภาพของมนุษย์ยังมีการ ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
โสมกับโรคภัยซึ่งเป็นสรรพคุณทางยา
  • คนจีนถือเป็นยาอายุวัฒนะที่วิเศษที่สุด แก้โรคได้สารพัด ที่ทำให้อายุยืนยาวอุดมไปด้วยวิตามิน
  • โรคกระเพาะอาหาร งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าโสมช่วยรักษาและยับยั้ง ไม่ให้เกิดการลุกลามของอาการกระเพาะอักเสบได้เป็นอย่างดี
  • โรคมะเร็ง สารบางอย่างที่มีอยู่ใน โสมเกาหลี นั้นสามารถกำจัดและทำลาย พิษรวมไปถึงสิ่งแปลกปลอมที่จะทำให้เซลล์เจริญเติบโตอย่างผิดปรกติได้ ได้มีการนำเอา โสมเกาหลี มาทดลองกับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ถึงแม้จะไม่ทำให้หายขาดแต่ก็ช่วยยืดระยะเวลาให้ผู้ป่วยได้
  • ไข้หวัด โสมเกาหลี มีส่วนช่วยฟื้นฟูและเพิ่มศักยภาพในการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติของร่างกาย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็จะต้องดูแลตัวเองควบคู่กันไปด้วย
  • ปอดอักเสบ โสมช่วยป้องกันสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ ด้วยการตัดโอกาสไม่ให้เชื้อโรคลามลงปอดได้
  • ตับอักเสบโสมมีสรรพคุณช่วยกำจัดสารพิษและแอลกอฮอล์ที่ปะปนอยู่ในกระแสเลือดได้เป็นอย่างดี
  • คอเรสเตอรอลสารโปซานินในโสมมีส่วนช่วยในการกำจัดโคเรสเตอรอล ส่งผลให้ปริมาณคอเรสเตอรอลดีเพิ่มมากขึ้นด้วย
  • ลิ่มเลือด โสมเกาหลี ช่วยในการสลายลิ่มเลือด,ลดไขมันในเลือด แลยังช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดเกาะตัวกัน
  • เบาหวาน โสมเกาหลี สามารถกระตุ้นให้ตับอ่อน สร้างอินซูลินได้ ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในภาวะสมดุล
  • โลหิตจาง โสมเกาหลี ช่วยกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดได้ดีขึ้น สร้างสารเม็ดสีในเม็ดเลือดแดง
  • ความดันต่ำโสมเกาหลี ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น หลับได้นาน อาการปวดเมื่อยต่างๆบรรเทาหายไป และทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น
  • ความเมื่อยล้า สารโปซานิน จะช่วยบรรเทาความเมื่อยล้า ช่วยทำให้ผ่อนคลายทั้งจิตใจและกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยมีกำลังวังชา
  • เสื่อมสมรรถทางเพศโสมเกาหลี จะเข้าไปบำรุงระบบไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น และช่วยเพิ่มปริมาณอสุจิ นอกจากเพิ่มจำนวนแล้วยังทำให้อสุจิแข็งแรงและเคลื่อนไหวได้ดี
  • ยาอายุวัฒนะในวัยทอง โสมเกาหลี จะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น ขจัดความรู้สึกซึมเศร้า และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์อวัยวะและชลอไม่ให้เสื่อมสภาพ หรือที่เรียกว่ามีฤทธิ์ชะลอความแก่ สารสกัดจากโสมมีฤทธิ์เป็น antioxidant ต้านการเกิด free radicals ซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์แก่เร็ว

ส้มแขก



ส้มแขก





                     ส้มแขก สมุนไพรลดความอ้วน ในผลส้มแขกมีสาร HAC (สารไฮดรอกซีซิตริกแอสิด) อยู่เป็นจำนวนมาก เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการเข้าไปสกัดกั้นและยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินไนร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้กินอาหารได้น้อยลง ทำให้น้ำหนักลด หน้าท้องยุบ ลดพุง รูปร่างเพรียวขึ้น มีผลดีมากในการลดความอ้วน 

HAC ทำให้ยับยั้งการนำน้ำตาล จากอาหารประเภท แป้ง ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายแต่จะนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย และ เมื่อในกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลง ไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็ จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ ทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังมีผลไปกระตุ้น ให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลง ซึ่งจะมีผล ทำให้รูปร่างดีขึ้น

จากการนำสารสกัดจากผลส้มแขกมารับประทานเพื่อให้น้ำหนักลดลง พบว่าน้ำหนักตัวอาจจะไม่ลดลงเร็วมากนัก ประมาณ 1 กิโลภายใน 3-4 อาทิตย์ แต่รูปร่างจะดีขึ้น เอวหรือพุงลดลง ความอึดอัดลดน้อยลง เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักเบากว่ากล้ามเนื้อ (แต่ถ้าร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อก็จะเกิดการอ่อนแอและโรคแทรกซ้อนได้ง่าย)

จากผลการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ไทย ซึ่งนำโดย ศาสตราจารย์ ดร.พิเชษฐ วิริยะจิตรา และคณะ ได้กล่าวถึงคุณสมบัติของสารสกัดจากผลส้มแขก HCA ว่าสามารถช่วยลดไขมันในร่างกายได้ดี โดยที่สาร HCA จะไปขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ที่จะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลเป็นไขมันได้บางส่วน (ร้อยละ 40-70 ซึ่งจะเป็นกระบวนการหลังจากที่ร่างกายได้นำเอาพลังงานที่ควรได้รับจากแป้งและน้ำตาลไปใช้อย่างเพียงพอแล้ว) ไขมันจึงถูกสร้างน้อยลง ร่างกายมีพลังงานมากขึ้น เพราะไกลโคเจนไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันทั้งหมด เพราะฉะนั้นแหล่งสะสมพลังงานจึงเต็มนานขึ้น ผลคือ อิ่มนานขึ้น หิวช้าลง กินได้น้อย ลดความอยากอาหารระหว่างมื้อลงได้

วิธีใช้เพื่อลดความอ้วน ปัจจุบันมีผู้ผลิตสารสกัดจากส้มแขกจำหน่ายมากมาย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากส้มแขกเพื่อการลดความอ้วนขนาดปริมาณ 300 – 600 มก. กินตามขนาดที่ฉลากระบุ ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันร่วมด้วย ลดพวกของทอดของมัน ผนวกกับการออกกำลังกาย เพื่อการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและจะได้ไม่กลับมาอ้วนอีก

สรรพคุณ
ลดน้ำหนักในคนอ้วน โดยเร่งการเผาผลาญไขมัน
ลดการสะสมของไขมันใหม่
ทำให้รู้สึกอิ่มท้อง ช่วยในการระบาย ทำให้ท้องไม่ผูก

ข้อควรระวัง
ไม่ควรใช้ในสตรีระหว่างตั้งครรภ์

*ไม่พบผลข้างเคียงใดๆ

ผ่านการวิจัยและทดสอบจาก 3 สถาบันทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ โรงพยาบาลรามาธิบดี ว่า ใช้ลดไขมันส่วนเกินอย่างได้ผล ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงและไม่ทำให้ผู้ใช้กลับมาอ้วนใหม่เมื่อหยุดใช้

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

คุณค่าของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

คุณค่าของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่



 สตอเบอร์รี่ อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงและให้แคลอรี่ต่ำ มีวิตามินซีสูง ที่สำคัญคือผลสตรอเบอร์รี่มีสารแอนโธไซยานินเป็นแหล่งรวมของสารสีแดง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่มากกว่าผลไม้ชนิดอื่น เส้นใยอาหารของสตอเบอร์รี่ ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลและความเสี่ยงมะเร็งลำไส้แถมยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายให้ดีขึ้น

      บลูเบอร์รี่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามิน C และ วิตามิน E อยู่มากถ้าทานบลูเบอร์รี่ เป็นประจำจะช่วยบำรุงสายตาและบำรุงจอรับภาพ ผลไม้กลมๆ เล็กๆ สีน้ำม่วงเข้มอย่างเจ้าบลูเบอร์รี่นี้มีสาร anti-oxidant อยู่ในระดับสูงสาร anti-oxidant นั้น เป็นสารเคมีที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระสู้ภาวะการแก่ตัวหรือชะลอความแก่ได้เป็นอย่างดี

      แครนเบอร์รี่ เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีผลเล็กๆ สีแดงสด รสชาติหวานๆ อมเปรี้ยว เพาะปลูกในแถบประเทศอเมริกา และแคนาดา แครนเบอร์รี่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง โดยเฉพาะใครที่ชอบอั้นปัสสาวะ จนเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้วละก็ แครนเบอร์รี่ช่วยได้ เพราะในผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดงๆ นี้มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย และมีสารแทนนิน ที่ช่วยหยุดการเกาะตัวของแบคทีเรียอี โคไล ที่บริเวณผนังทางเดินปัสสาวะได้ด้วย ใครที่กำลังเป็นโรคปัสสาวะอักเสบลองดื่มน้ำแครนเบอร์รี่เข้มข้น ไม่มีน้ำตาลแก้วละ 250 มิลลิลิตรทุกวัน วันละ 3 แก้วจะช่วยบรรเทา และเป็นอีก 1 วิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก

      ราสเบอร์รี่ เมื่อย้อนกลับไปในยุคกรีก และโรมัน ราสเบอร์รี่ถูกนำมาใช้เป็นทั้งอาหารและยารักษาโรค ราสเบอร์รี่มีธาตุ โพแทสเซียม และเส้นใยอาหารสูง มีวิตามินเคหรือ ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยในการแข็งตัวของเเลือด และยังมีแมงกานีส ที่ช่วยในการทำงานของปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย สารสีแดงในราสเบอร์รี่มีคุณสมบัติช่วยในการหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น มีผลต่อช่วยให้ ระบบการทำงานของประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

      เชอร์รี่ ที่เราเห็นบ่อยบนยอดสุดของไอศกรีม รสชาติหวานหอมกรุบกรอบ เชอร์รีเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมในปริมาณสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสมดุลกับโวเดียมทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ ระบบไหลเวียนโลหิตดี นอกจากนี้ เชอร์รียังมีวิตามิน c ช่วยรักษาแผล ป้องกันโรคลักปิดลักเปิดอีกด้วย เมื่อตัวเลขของอายุเริ่มมากขึ้นเราควรเลือกหาเชอร์รีมารับประทานกันบ่อยๆ เพราะจะช่วยลดระดับกรดยูริกในเลือดป้องกันการเกิดโรคเกาต์ หรืออาการปวดตามข้อได้

      แบล๊กเบอร์รี่ หาดูได้ยากในบ้านเรา เป็นผลไม้เมืองหนาวที่มีประโยชน์มาก มีโฟลเลสสูง ช่วยเพิ่มและฟื้นฟูคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวหนังของเรา เต่งตึง และในแบล๊กเบอร์รี่ยังมีสารที่ชื่อซาลิไซเตสที่ช่วยป้องกันได้หลายโรค


      โกจิเบอร์รี่ 
   1. ประกอบด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด (ปกติมี 20 ชนิด) แต่มีกรดอะมิโนครบทั้ง 9 ชนิด
   2. มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องกายในปริมาณน้อย รวม 21 ชนิด ที่สำคัญได้แก่ สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส ซิลีเนียม และเจอร์มาเนียม ฯลฯ
   3. มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 500 เท่า (เป็นพืชที่มีวิตามินิซีสูงเป็นอันดับสอง รองจาก คามู คามูเบอร์รี่)
   4. มีวิตามิน บี1 บี2 บี6 และวิตามินอี
   5. มีสารโพลี่แซคคาไรด์ 4 ชนิด : LBP-1, LBP-2, LBP-3, LBP-4      - ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลดี      - ช่วยปรับความดันโลหิตให้ปกติ      - ช่วยให้น้ำตาลในเลือด และอินซูลินอยู่ในสภาวะสมดุล      - ช่วยลดน้ำหนัก โดยเสริมการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานแทนไขมัน      - ช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารเคมีหรือรังสีให้สู่ปกติได้เร็วขึ้น
   6. มีสารเจอร์มาเนี่ยม Germanium : Ge ที่อยู่ในสภาพอินทรีย์ (organic) ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง


     อะเซโลรา เชอร์รี่     เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ คือ วิตามินซี มีโปรตีนและแร่ธาตุสูงโดยเฉพาะ เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม และมีสาระสำคัญตัวหนึ่งชื่อ trans-beta-carotene ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย มีปริมาณของไขมันอิ่มตัว และโซเดียมต่ำ ไม่มีคลอเลสเตอรอล และจากผลการวิจัยพบว่า อะเซโรลา เชอร์รี่ มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าที่พบในส้มถึง 30-80 เท่า


        ในช่วงวัยของเราต้องการอาหารและผลไม้ที่มีประโยชน์เข้าไปช่วยเสริมสร้างให้ระบบภายในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยซ่อมแซมสิ่งที่สึกหล่อ ตระกูลผลไม้เบอร์รี่ ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกของผลไม้ดีมีประโยชน์ให้เราได้เลือกรับประทาน ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแยม น้ำสกัดเข้มข้น หรืออบแห้ง ว่าแล้วเย็นนี้ก็กลับไปซื้อ เบอร์รี่เก็บไว้ใส่ตู้เย็นทานกันดีกว่า